เป็นที่น่าสังเกตว่าเบียร์หลายแบรนด์ที่คว้ารางวัลในงาน Exposition Universelle ในปี 1889 ที่จัดขึ้นที่กรุงปารีสจะโด่งและได้รับการยอมรับในคุณภาพไปทั่วโลก แต่แบรนด์ของเบียร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคงต้องยกให้ Heineken® ที่คว้ารางวัลสูงสุด Grand Prix ในงานนั้นมาครอง
นั่นยังไม่นับรวมรางวัลเกียรติยศรางวัลแรกที่คว้ามาได้ในปี 1875 อย่าง Medaille d’Or (Gold Medal) จากงาน The International Maritime Exposition (International Exhibition of Marine and River Industries) ที่จัดขึ้นที่กรุงปารีสเช่นกัน สองรางวัลนี้มีส่วนสำคัญทำให้ Heineken® กลายเป็นเบียร์ที่ครองใจคนยุโรปมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการครองใจคนทั่วโลกจนทำให้กลายเป็นเบียร์ที่เป็นที่จดจำมากที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้นี่คือหนึ่งในเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Heineken® ที่จัดแสดงอยู่ ณ Heineken Experience พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นติดอันดับต้นๆ ของยุโรป เหรียญทองเหรียญแรกยังคงถูกจัดแสดงไว้อย่างสมเกียรติอยู่บนอาคารดั้งเดิมที่ผลิตเบียร์จนทำให้ได้รับรางวัลนี้
พิพิธภัณฑ์ถูกปรับโฉมใหม่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบ Multimedia & Interactive Museum ผ่านสื่อผสมหลากรูปแบบเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Heineken® บริษัทเบียร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในปัจจุบัน ตัวพิพิธภัณฑ์นั้นตั้งอยู่บริเวณ De Pijp ย่านสำคัญใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเบียร์ยักษ์ใหญ่นี้นั่นเอง
ตึกอิฐเก่าแก่สีน้ำตาลสูงตระหง่านที่เป็นที่ตั้งของ Heineken Experience นี้ก็คือโรงงานผลิตเบียร์ดั้งเดิมแรกสุดของ Heineken® ที่สร้างขึ้นในปี 1876 และถูกปิดตัวลงในปี 1988 หลังจากที่ย้ายฐานการผลิตเบียร์ใหม่ออกไปอยู่นอกเมืองเพื่อรองรับการขยายตัวและปรับสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่
ก่อนที่จะถูกนำมารีโนเวทใหม่ให้เป็นศูนย์ข้อมูลในปี 1991 ที่ชื่อว่า Heineken Treat and Information Centre แล้วในปี 2001 ทาง Heineken® ก็ปรับโฉมที่นี่อีกครั้งเพื่อต้อนรับศตวรรษใหม่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่ผสมผสานการเล่าประวัติศาสตร์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวทีเดียว หลังจากการก้าวข้าวสู่ยุคมิลเลนเนียมก็มีการปิดเพื่อปรับปรุงกันอีกครั้งก่อนที่จะเปิดทำการโฉมใหม่อย่างในปัจจุบันเมื่อปี 2008 นี่เอง
ขวดสีเขียวชาดูจะเป็นเอกลักษณ์สำคัญไม่แพ้ดาวแดงที่ทำให้ทุกคนจดจำแบรนด์ Heineken® ได้อย่างดีเยี่ยม มุมหนึ่งของ Heineken Experience ยังจัดแสดงขวดทุกยุคทุกสมัยของ Heineken® ไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่างขวดที่น่าสนใจก็ได้แก่ The WOBO Bottle (หรือ World Bottle) ขวดเบียร์สีเขียวทรงเหลี่ยมที่ได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลก มีเอกลักษณ์ตรงที่มีผิวขวดเป็นแผงรูบุ๋มซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสามารถใช้แทนอิฐสร้างบ้านได้
ขวดนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวดัช John Habraken ถูกผลิตขึ้นในปี 1963 หลังจากที่ทายาทลำดับที่ 3 อย่าง Alfred Henry Heineken หรือ Freddy Heineken ไปทัวร์เยี่ยมโรงงานผลิตเบียร์ Heineken® ทั่วโลกแล้วไปปิ๊งไอเดียตอนไปเยือนประเทศ Curaçao ในแถบคาริเบียนที่เห็นชาวบ้านท้องถิ่นนำเอาขวดมาก่อกำแพงบ้านนั่นเอง
อีกขวดที่น่าสนใจก็ได้ Gerard Heineken Bottle ที่ออกแบบโดยบรรพบุรุษต้นกำเนิดอย่าง Gerard Adriaan Heineken นั่นเอง ขวดนี้เป็นขวดมีฝาจุกปิดแน่นหนาพร้อมโครงลวดเหล็กที่ช่วยยึดตรงไว้ ทำให้เก็บเบียร์ได้นานขึ้นที่สำคัญทำให้ขนส่งเบียร์ได้ไกลขึ้นแล้วยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งออกเบียร์ไปขายยังประเทศต่างๆ นอกยุโรปอีกด้วย
Heineken® เป็นเบียร์ตำรับอัมสเตอร์ดัมโดยแท้ที่คงรสชาติและกระบวนการผลิตแบบท้องถิ่นดั้งเดิมไว้ทุกประการ หากย้อนกลับไปในอดีตเบียร์ดัชตำรับนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1864 หลังจากที่ Gerard Adriaan Heineken ได้เข้าซื้อกิจการ De Hooiberg (The Haystack) Brewery โรงเบียร์ท้องถิ่นเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1592
De Hooiberg (The Haystack Brewery), 1868
มีการสร้างห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์และศึกษาอย่างเอาจริงเอาจังซึ่ง Dr.Hartog Elion นี่แหละก็คือ Laboratory Director ให้กับ Heineken Brewery ทำให้ Heineken® กลายเป็นโรงงานผลิตเบียร์แห่งแรกของโลกที่มีการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างใส่ใจนั่นเอง
ขวดทดลองที่ Dr.Elion เพาะยีสต์ A-yeast ของ Heineken® สำเร็จเป็นครั้งแรก
ถึงแม้ว่าโรงผลิตเบียร์ดั้งเดิมใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมนี้จะเลิกผลิตเบียร์ไปแล้ว แต่ภายในก็ยังคงเก็บรักษาอุปกรณ์บ่มเบียร์ดั้งเดิมไว้ในสภาพเดิมอยู่และเปิดให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสคุณค่านี้ด้วยตัวเอง นอกจากจะจัดแสดงวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตเบียร์แล้วจุดหนึ่งที่เรียกความสนใจจากทุกคนที่มาเยือนได้เป็นอย่างดีก็คือ การให้ทดลองชิมสารตั้งต้นก่อนที่จะใส่ A-Yeast ลงไปหมักซึ่งก็คือ น้ำบริสุทธิ์ + มอลต์ข้าวบาร์เลย์
ที่น้อยคนอาจจะเคยได้ลอง ถึงแม้ว่ารสชาติอาจจะไม่ถูกปากนัก (เหมือนน้ำผสมกับข้าวเปลือก) แต่นี่ก็คือจุดตั้งต้นสำคัญก่อนสู่กระบวนการผลิตเบียร์ และการที่ได้ลองต้นกำเนิดครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ทำให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของเบียร์ได้มากยิ่งขึ้นด้วย
จากเรื่องของศาสตร์ก็มาที่เรื่องของศิลป์กันบ้าง ภายในนอกจากจะมีการออกแบบนิทรรศการได้ล้ำสมัยและสวยเท่น่าเดินเที่ยวแล้ว ศิลปะที่แทรกตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ Heineken® ก็ถูกนำมาจัดแสดงเช่นกัน ตั้งแต่โฆษณายุคแรกๆ มาจนถึงการโปรโมทในยุคปัจจุบัน
รวมไปถึงการจัดแสดงฉลากติดขวดจากยุคอดีตจนถึงยุคปัจจุบันที่มีเรื่องราวซ่อนอยู่เบื้องหลักการออกแบบมากมาย ตบท้ายด้วยศิลปะแบบ DIY ที่โซน Bottle Your Own ให้คุณได้ผลิตฉลาก Heineken® ที่มีชื่อของคุณอยู่แปะไปบนฉลากให้กลายเป็นเบียร์ขวดพิเศษขวดเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใครเป็นของที่ระลึกกลับบ้านได้อีกด้วย
นี่คือ 1 ใน 1,400 แห่ง ที่ถือเป็นหนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญอันน่าภาคภูมิของยุโรปซึ่งถูกขึ้นทะเบียนในกลุ่ม European Route of Industrial Heritage (ERIH) รวบรวมเครือข่ายอุตสาหกรรมยุคอดีตที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคยุโรปและของโลกทั้งทางประวัติศาสตร์ไปจนถึงเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกัน (คล้าย World Heritage Site)
ยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้เราเปิดประสบการณ์ใน Heineken Experience อีกมากมาย ทุกนิทรรศการถูกจัดไว้อย่างทันสมัย หลายนิทรรศการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาดึงดูดความสนใจได้อยู่หมัด แล้วสำหรับการออกแบบพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ครั้งนี้ก็เป็นฝีมือการดีไซน์ของเจ้าพ่อแห่งวงการสร้างนิทรรศการของโลกอย่าง Bob Rogers ผู้ก่อตั้ง BRC Imagination Arts บริษัทยักษ์ใหญ่อันโด่งดังของโลกที่เชี่ยวชาญการออกแบบด้าน Experience Design และเคยฝากผลงานระดับโลกมาแล้วมากมายนั่นเอง
ที่มา : culturedcreatures.co
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น