วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

พาเที่ยว "Heineken Experience" ตามรอยตำนานเบียร์เก่าแก่ แห่งอัมสเตอร์ดัม


เป็นที่น่าสังเกตว่าเบียร์หลายแบรนด์ที่คว้ารางวัลในงาน Exposition Universelle ในปี 1889 ที่จัดขึ้นที่กรุงปารีสจะโด่งและได้รับการยอมรับในคุณภาพไปทั่วโลก แต่แบรนด์ของเบียร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคงต้องยกให้ Heineken® ที่คว้ารางวัลสูงสุด Grand Prix ในงานนั้นมาครอง
นั่นยังไม่นับรวมรางวัลเกียรติยศรางวัลแรกที่คว้ามาได้ในปี 1875 อย่าง Medaille d’Or (Gold Medal) จากงาน The International Maritime Exposition (International Exhibition of Marine and River Industries) ที่จัดขึ้นที่กรุงปารีสเช่นกัน สองรางวัลนี้มีส่วนสำคัญทำให้ Heineken® กลายเป็นเบียร์ที่ครองใจคนยุโรปมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นจุดเริ่มต้นของการครองใจคนทั่วโลกจนทำให้กลายเป็นเบียร์ที่เป็นที่จดจำมากที่สุดมาจนถึงทุกวันนี้



นี่คือหนึ่งในเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Heineken® ที่จัดแสดงอยู่ ณ Heineken Experience พิพิธภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นติดอันดับต้นๆ ของยุโรป เหรียญทองเหรียญแรกยังคงถูกจัดแสดงไว้อย่างสมเกียรติอยู่บนอาคารดั้งเดิมที่ผลิตเบียร์จนทำให้ได้รับรางวัลนี้ 

พิพิธภัณฑ์ถูกปรับโฉมใหม่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบ Multimedia & Interactive Museum ผ่านสื่อผสมหลากรูปแบบเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Heineken® บริษัทเบียร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในปัจจุบัน ตัวพิพิธภัณฑ์นั้นตั้งอยู่บริเวณ De Pijp ย่านสำคัญใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเบียร์ยักษ์ใหญ่นี้นั่นเอง


ตึกอิฐเก่าแก่สีน้ำตาลสูงตระหง่านที่เป็นที่ตั้งของ Heineken Experience นี้ก็คือโรงงานผลิตเบียร์ดั้งเดิมแรกสุดของ Heineken® ที่สร้างขึ้นในปี 1876 และถูกปิดตัวลงในปี 1988 หลังจากที่ย้ายฐานการผลิตเบียร์ใหม่ออกไปอยู่นอกเมืองเพื่อรองรับการขยายตัวและปรับสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ 

ก่อนที่จะถูกนำมารีโนเวทใหม่ให้เป็นศูนย์ข้อมูลในปี 1991 ที่ชื่อว่า Heineken Treat and Information Centre แล้วในปี 2001 ทาง Heineken® ก็ปรับโฉมที่นี่อีกครั้งเพื่อต้อนรับศตวรรษใหม่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่ผสมผสานการเล่าประวัติศาสตร์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัวทีเดียว หลังจากการก้าวข้าวสู่ยุคมิลเลนเนียมก็มีการปิดเพื่อปรับปรุงกันอีกครั้งก่อนที่จะเปิดทำการโฉมใหม่อย่างในปัจจุบันเมื่อปี 2008 นี่เอง




ขวดสีเขียวชาดูจะเป็นเอกลักษณ์สำคัญไม่แพ้ดาวแดงที่ทำให้ทุกคนจดจำแบรนด์ Heineken® ได้อย่างดีเยี่ยม มุมหนึ่งของ Heineken Experience ยังจัดแสดงขวดทุกยุคทุกสมัยของ Heineken® ไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่างขวดที่น่าสนใจก็ได้แก่ The WOBO Bottle (หรือ World Bottle) ขวดเบียร์สีเขียวทรงเหลี่ยมที่ได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วโลก มีเอกลักษณ์ตรงที่มีผิวขวดเป็นแผงรูบุ๋มซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อสามารถใช้แทนอิฐสร้างบ้านได้


ขวดนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวดัช John Habraken ถูกผลิตขึ้นในปี 1963 หลังจากที่ทายาทลำดับที่ 3 อย่าง Alfred Henry Heineken หรือ Freddy Heineken ไปทัวร์เยี่ยมโรงงานผลิตเบียร์ Heineken® ทั่วโลกแล้วไปปิ๊งไอเดียตอนไปเยือนประเทศ Curaçao ในแถบคาริเบียนที่เห็นชาวบ้านท้องถิ่นนำเอาขวดมาก่อกำแพงบ้านนั่นเอง 

อีกขวดที่น่าสนใจก็ได้ Gerard Heineken Bottle ที่ออกแบบโดยบรรพบุรุษต้นกำเนิดอย่าง Gerard Adriaan Heineken นั่นเอง ขวดนี้เป็นขวดมีฝาจุกปิดแน่นหนาพร้อมโครงลวดเหล็กที่ช่วยยึดตรงไว้ ทำให้เก็บเบียร์ได้นานขึ้นที่สำคัญทำให้ขนส่งเบียร์ได้ไกลขึ้นแล้วยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งออกเบียร์ไปขายยังประเทศต่างๆ นอกยุโรปอีกด้วย

Heineken® เป็นเบียร์ตำรับอัมสเตอร์ดัมโดยแท้ที่คงรสชาติและกระบวนการผลิตแบบท้องถิ่นดั้งเดิมไว้ทุกประการ หากย้อนกลับไปในอดีตเบียร์ดัชตำรับนี้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1864 หลังจากที่ Gerard Adriaan Heineken ได้เข้าซื้อกิจการ De Hooiberg (The Haystack) Brewery โรงเบียร์ท้องถิ่นเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1592


De Hooiberg (The Haystack Brewery), 1868
 
ต่อมาในปี 1873 เขาก็ได้ Dr.Hartog Elion ลูกศิษย์ของ Louis Pasteur เข้ามาร่วมพัฒนาเบียร์ด้วยกันอย่างจริงจัง โดย Dr.Hartog Elion นี่แหละคือผู้ที่ค้นคว้าทดลองผลิตยีสต์ตัวสำคัญที่เรียกกันว่า Heineken®-A Yeast อันเป็นเคล็ดลับเฉพาะตัวของการผลิตเบียร์ในแบบฉบับ Heineken® 

มีการสร้างห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์และศึกษาอย่างเอาจริงเอาจังซึ่ง Dr.Hartog Elion นี่แหละก็คือ Laboratory Director ให้กับ Heineken Brewery ทำให้ Heineken® กลายเป็นโรงงานผลิตเบียร์แห่งแรกของโลกที่มีการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างใส่ใจนั่นเอง

ขวดทดลองที่ Dr.Elion เพาะยีสต์ A-yeast ของ Heineken® สำเร็จเป็นครั้งแรก

A-Yeast ที่ถือเป็นเคล็ดลับของการกำเนิดรสชาติที่มีเอกลักษณ์นี้ยังคงสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ว่ากันว่า A-Yeast จะถูกเพาะบ่มกันที่โรงผลิตเบียร์หลักในอัมสเตอร์ดัมเท่านั้นแล้วหลังจากนั้นก็จะส่งเชื้อไปยังโรงงานผลิตเบียร์ของ Heineken® ทั่วโลกเพื่อใช้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเบียร์ต่อไป แล้วทุกถังที่บ่มเบียร์นั้นจะต้องถูกนำตัวอย่างเพื่อส่งกลับไปตรวจสอบมาตรฐานกันที่อัมสเตอร์ดัมอีกครั้ง ถ้าผ่านมาตรฐานก็ถือว่านำบรรจุขวดออกจำหน่ายได้


ถึงแม้ว่าโรงผลิตเบียร์ดั้งเดิมใจกลางกรุงอัมสเตอร์ดัมนี้จะเลิกผลิตเบียร์ไปแล้ว แต่ภายในก็ยังคงเก็บรักษาอุปกรณ์บ่มเบียร์ดั้งเดิมไว้ในสภาพเดิมอยู่และเปิดให้ผู้คนได้เข้ามาสัมผัสคุณค่านี้ด้วยตัวเอง นอกจากจะจัดแสดงวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตเบียร์แล้วจุดหนึ่งที่เรียกความสนใจจากทุกคนที่มาเยือนได้เป็นอย่างดีก็คือ การให้ทดลองชิมสารตั้งต้นก่อนที่จะใส่ A-Yeast ลงไปหมักซึ่งก็คือ น้ำบริสุทธิ์ + มอลต์ข้าวบาร์เลย์ 

ที่น้อยคนอาจจะเคยได้ลอง ถึงแม้ว่ารสชาติอาจจะไม่ถูกปากนัก (เหมือนน้ำผสมกับข้าวเปลือก) แต่นี่ก็คือจุดตั้งต้นสำคัญก่อนสู่กระบวนการผลิตเบียร์ และการที่ได้ลองต้นกำเนิดครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ทำให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของเบียร์ได้มากยิ่งขึ้นด้วย



จากเรื่องของศาสตร์ก็มาที่เรื่องของศิลป์กันบ้าง ภายในนอกจากจะมีการออกแบบนิทรรศการได้ล้ำสมัยและสวยเท่น่าเดินเที่ยวแล้ว ศิลปะที่แทรกตัวอยู่ในผลิตภัณฑ์ Heineken® ก็ถูกนำมาจัดแสดงเช่นกัน ตั้งแต่โฆษณายุคแรกๆ มาจนถึงการโปรโมทในยุคปัจจุบัน 

รวมไปถึงการจัดแสดงฉลากติดขวดจากยุคอดีตจนถึงยุคปัจจุบันที่มีเรื่องราวซ่อนอยู่เบื้องหลักการออกแบบมากมาย ตบท้ายด้วยศิลปะแบบ DIY ที่โซน Bottle Your Own ให้คุณได้ผลิตฉลาก Heineken® ที่มีชื่อของคุณอยู่แปะไปบนฉลากให้กลายเป็นเบียร์ขวดพิเศษขวดเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใครเป็นของที่ระลึกกลับบ้านได้อีกด้วย


นี่คือ 1 ใน 1,400 แห่ง ที่ถือเป็นหนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญอันน่าภาคภูมิของยุโรปซึ่งถูกขึ้นทะเบียนในกลุ่ม European Route of Industrial Heritage (ERIH) รวบรวมเครือข่ายอุตสาหกรรมยุคอดีตที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคยุโรปและของโลกทั้งทางประวัติศาสตร์ไปจนถึงเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกัน (คล้าย World Heritage Site)

ยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้เราเปิดประสบการณ์ใน Heineken Experience อีกมากมาย ทุกนิทรรศการถูกจัดไว้อย่างทันสมัย หลายนิทรรศการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาดึงดูดความสนใจได้อยู่หมัด แล้วสำหรับการออกแบบพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ครั้งนี้ก็เป็นฝีมือการดีไซน์ของเจ้าพ่อแห่งวงการสร้างนิทรรศการของโลกอย่าง Bob Rogers ผู้ก่อตั้ง BRC Imagination Arts บริษัทยักษ์ใหญ่อันโด่งดังของโลกที่เชี่ยวชาญการออกแบบด้าน Experience Design และเคยฝากผลงานระดับโลกมาแล้วมากมายนั่นเอง



ที่มา : culturedcreatures.co

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

เที่ยวหอสมุดออสเตรีย (Austrian National Library)

หอสมุดออสเตรีย (Austrian National Library) เป็น หอสมุดสไตล์บารอค ที่งดงามและใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ภายใน พระราชวังฮอฟบวร์ก ก้าวแรกท...