พระราชวังทอปกาปี หรือที่รู้จักกันในชื่อวังสุลต่าน เป็นอีกหนึ่งเเลนด์มาร์คของเมืองอิสตันบูลค่ะ สร้างขึ้นโดยสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 (Mehmed the Conqueror) ใช้เป็นที่ประทับของสุลต่านหลายพระองค์ต่อกันมาหลายศตวรรษ
โดยมีทั้งหมด 3 ส่วนคือ พระราชวังชั้นนอก เป็นสวนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ร่มรื่น น่าเดินเล่นมากๆ เลยค่า มีอาคารสไตล์ตุรกีดั้งเดิมที่ยังคงสภาพเดิมไว้อย่างดีสุดๆ ใช้เป็นสถานที่ออกว่าราชการและต้อนรับแขกคนสำคัญของเมืองค่ะ
พระราชวังชั้นใน เป็นที่พำนักของมเหสีและเหล่าสนม รวมถึงลูกหลานของสุลต่านด้วยค่ะ อ้อ! ส่วนของชั้นในนี้สมัยก่อนเป็นที่ต้องห้าม ผู้ชายห้ามเข้านะจ๊ะ
ฮาเร็ม สวรรค์ของสุลต่าน มีห้องพักมากมายกว่า 300 ห้อง และเต็มไปด้วยหญิงสาวที่ได้รับการฝึกอบรมความสามารถด้านต่างๆ เช่น การร้องเพลง เล่นดนตรี เต้นรำ เพื่อเอาใจสุลต่าน และต้องตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ตลอดชีวิตค่ะ
ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปีกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสำหรับจัดแสดงสมบัติอันล้ำค่าของสุลต่านองค์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โบราณวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ อาวุธในสมัยออตโตมันน์ เช่น ดาบ ปืน ธนู กระบี่ ขวาน ชุดเกราะ และเครื่องราชบรรณาการจากทั่วโลก
รวมถึงเครื่องกระเบื้องของจีนกับญี่ปุ่นกว่า 12,000 ชิ้น โดยเครื่องถ้วยชามอันโด่งดังของจีน เรียกว่า เซลาดอน (Celadon) โดยสุลต่านจะให้ใส่อาหารลงไป ถ้ามียาพิษเจือปน เครื่องถ้วยนี้จะมีน้ำออกมาและเปลี่ยนสีนั่นเองค่า ล้ำมากกก
และเครื่องประดับสุดเลอค่า ทั้งทอง หยก มรกต ทับทิม ทีเด็ดที่ถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในพระราชวังก็คือ เพชรรูปหยดน้ำ 86 กะรัต ประดับด้วยเงินบริสุทธิ์ เคยใช้ทำเป็นแหวนมาก่อนด้วยนะคะ
โอ้มายก้อดด ขอกราบที่ข้อนิ้วงามๆ แข็งแกร่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้วจ้า ความงดงามอลังการของเพชรเม็ดนี้ โด่งดังจนถูกนำมาเขียนลงนิยายเรื่อง The Light Of Day และสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Topkapi ด้วยค่ะ
เครดิตรูปภาพจาก http://topkapisarayi.gov.tr/en/content/chinese-and-japanese-porcelains
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ชมวิวชั้นเยี่ยม สามารถเห็นวิวของเมืองอิสตันบูลได้ชัดแจ๋ว ทั้งอ่าว Golden Horn, ทะเลมาร์มะรา (Marmara Sea) และช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Strait)
ที่มา : yingpook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น